วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ข่าวแปลก : วิลล่าหรูบนดาดฟ้าตึก


กระบวนการบ้านหน้าตาประหลาด ๆ หรือตั้งอยู่ในโลเคชั่นแปลก ๆ นั้น อิ่ตอนนี้คงต้องพ่วงรายการของวิลล่าสุดหรูที่เดาะไปสร้างกันอยู่บนดาดฟ้าตึกใจกลางเมืองของพี่จีนเค้าเข้าไปด้วยแน่นอนฮ่ะ เพราะนอกจากจะขายความแปลก !! แตกต่าง !! อย่างน่าประหลาดใจแล้ว ยังน่าจะเป็นโครงการเดียวในโลก ที่สร้างแล้วเจ้าของใจดีอนุญาตให้คนงานต่างถิ่นเข้าไปพักอาศัยกันอย่างสบายแฮอีกดั้ว..

ไหงเป็นงั้นอ่ะ (เจ้าของบล็อกทำหน้างงไป 3 วิ)

คืองี้ฮ่ะ เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวจากเอเอฟพี/เอเจนซี ซึ่งเป็นกลุ่มสื่อจีนได้รายงานข่าวว่า เจ้าหน้่าที่ของจีนได้ประกาศให้วิลล่าหะหรูหะหราที่ดันไปผุดโครงการอยู่บนดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งในกลางเมืองเหิงหยัง มณฑลหูหนัน เป็นสิ่งก่อสร้างผิดกฎหมายฮ่ะ (และเมื่อผิดกฎหมายก็ขายไม่ได้นะจ๊ะ แต่เป็นข่าวให้แอดมินเอามาฮาเฮได้จ้ะ)


เจ้าของโครงการวิลล่าบนดาดฟ้าแห่งนี้ ก็คือ เหิงหยัง หย่งซิง กรุ๊ป ฮ่ะ โดยบริษัทนี้เขาได้ทำการก่อสร้างบ้านหน้าตาสวยงามทันสมัยทรงตะวันตก ที่มีทั้งหลังคาสีฟ้าใส ผนังเหลือง มีลานระเบียงและหอคอยแบบเยอมันนี แถมยังมีรั้วสีขาวล้อมรอบบนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร (เท่ากับ 3 สนามฟุตบอลรวมกัน) และปลูกต้นไม้เขียวชอุ่มพุ่มไสวเสริมภูมิทัศน์ระดับสูงอีกด้วย (สูงแหงล่ะ..เพราะดันระเห็จไปตั้งอยู่บนดาดฟ้านี่)


โครงการหมู่บ้านบนดาดฟ้าแห่งนี้ เริ่มต้นสร้างเมื่อปี พ.ศ 2552 ฮ่ะ โดยมีการก่อสร้างขึ้นโดยพละการแบบไม่มีใบอนุญาต แม้ว่าจะถูกทักท้วงโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้างในท้องถิ่นให้ทำการรื้อถอนออกหลายครั้ง แต่เจ้าของโครงการก็ไม่สนใจแต่อย่างใด


เมื่อสร้างเสร็จแล้วและดันเจือกขายไม่ได้แถมไม่ให้เขารื้ออีก โครงการนี้ก็เลยกลายเป็นโครงการร้างฮ่ะ ที่สุดเจ้าของโครงการก็เลยต้องจัดให้วิลล่าแต่ละหลังกลายเป็นที่พักของแรงงานอพยพของทางบริษัท เนื่องจากกฎหมายของจีนระบุไว้ว่าหากบ้านหลังไหนมีคนอยู่ ก็ห้ามมีการรื้อถอน พูดง่าย ๆ ก็คือห้ามรื้อถอนโดยเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นไม่ยินยอม เพื่อป้องกันปัญหาการเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มนายทุนที่เข้ามาลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และเจ้าหน้าที่กังฉินที่จับมือกันเข้ามากอบโกยผลปราะโยชน์ โกงที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมและไล่ประชาชนออกจากบ้านโดยจ่ายค่าชดเชยให้อย่างไม่เป็นธรรม


งานนี้ใครจะผิดใครจะถูกก็ว่ากันไปฮ่ะ แต่คนที่ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ ก็คือบรรดาแรงงานต่างถิ่นของอิ่บริษัทเจ้าของโครงการนี่ล่ะ ที่อยู่ดี ๆ ก็ได้เข้าอยู่อาศัยในบ้านทรงหรู แหม..สมกับเป็นพี่จีนจริงจริ๊งงง..เลยเชียว เรื่องประหลาด ๆ พิกลแบบนี้ก็ยังอุตส่าห์ทำไปได้ แถมทำแล้วยังมีเทคกะนิกที่จะเอาตัวรอดได้อีกต่างหาก เอ้าาา..ใครอยากจะก้อปไอเดียนี้มาใช้กับเมืองไทยก็ลองดูได้นะคะ แต่อิชั้นว่า..โครงการสร้างบ้านบนดาดฟ้าแบบนี้คงจะพับตั้งแต่ยังไม่ได้คลอดนั่นแหละฮ่ะ...แล้วกลับมาพบกับข่ีาวแปลกข่้าวฮาได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ



ขอบคุณที่มา manager online





วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ข่าวแปลก : ลูกปลาหมึกโตในปาก

แหม..อ่านข่าว ปตท.เอ๊ย..ตปท.วันนี้แล้ว อิชั้นถึงกะไม่คิดอยากจะกินปลาหมึกตลอดชีวิตเลยทีเดียวฮ่ะ อ่ะ มาดูค่า

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักข่าว ต่างประเทศ แห่งนึงได้รายงานเรื่องเหลือเชื่อที่เขย่าประสาทนักเปิบเป็นอันมากชิ้นนึงว่า มีคุณป้าวัย 63ปี คนนึง ได้หอบอาการเจ็บแปล๊บ ๆ ในช่องปากไปหาคุณหมอ เพื่อให้ทำการตรวจว่า เธอเป็นอะไรกันแน่ แต่แล้วคุณหมอท่านนั้นก็ถึงกับต้องตกตะลึงพึงเพริดเลยทีเดียวฮ่ะ เมื่อพบว่า มีสัตว์อันไม่พึงประสงค์ที่ไม่น่าจะพบอยู่ในช่องปากของมนุษย์ทั่วไปอาศัยอยู่ในปากป้าแกเป็นจำนวนมาก นั่นก็คือลูกปลาหมึกตัวน้อย ๆ นั่นเอง ที่สำคัญก็คือ มันไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเปลี่ยวเอกาหรอกนะฮ้า แต่มันอยู่ในปากคุณป้าแกเป็นหมู่คณะถึง 12 ตัวเลยทีเดียว  แต่ไม่ต้องตกใจฮ่ะ ตอนนี้อาคุงหมอ แกก็ได้กวาดเอาหมึกอ่อนและเมือกทั้งหมดที่อยู่ในช่องปากออกไปเป็นที่เรียบร้อยละ


ข้อสันนิษฐานของแพทย์กรณีนี้ก็คือ คุณป้าท่านนี้แกคงกินปลาหมึกตัวเต็มวัยเข้าไปแหละฮ่ะ และอิ่ตอนเคี้ยว ๆ ๆ อย่างเพลิดเพลินใจ ไอ้เจ้าถุงน้ำเชื้อของปากหมึกก็ดันไปแตกโพล๊ะในปากของของแกเข้า จากนั้นอสุจิและไข่จึงฝังตัวตามซอกหลืบต่างๆ ของเหงือกและฟัน และเกิดการฟักเป็นตัวอ่อนขึ้นดังกล่าว

กรณีข้างบนนี้ยังไปคล้ายกับหญิงญี่ปุ่นรายหนึ่ง ที่เกิดอาการเจ็บปากหลังกินหมึกดิบเข้าไปด้วยอ่ะนะคะ โดยหญิงญี่ปุ่นรายนั้นมีหมึกอ่อนติดอยู่ที่ปาก และแพทย์ก็ต้องทำการถอนหมึกอ่อนและถุงสเปิร์มออกจากปากของเธอเช่นกัน

แหม..อิชั้นก็ให้นึกอยู่ว่า อิ่ตอนกินปลาหมึกเนี่ย ไม่ได้ทำให้มันสุกตามหลักของกระทรวงทรัพยากรธรณีก่อนหรือไรคะ (<< ได้ข่าวว่ามันเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขนะ กรั่ก ๆ ๆ) มันถึงได้เกิดการฟิเจอริ่งมาเก็ตติ้งเฟิร์สในช่องปากได้ขนาดนั้น แถมกินแ้ล้วก็ต้องแปรงฟันให้สะอาดเอี่ยมอ่องด้วยสิ จะหมักให้มันมาฟักอยู่ในซอกฟันอยู่ได้นานขนาดนั้นไดอย่างไรกัน เอ..หรือคุณป้าแกไม่นิยมแปรงฟันฟระ ไข่ปลาหมึกถึงได้อยู่ยงคงกระพันถึงขั้นออกมาเป็นตัวขนาดนั้น..

เอ้า..ใครที่นิยมกินอะไรสุก ๆ ดิบ ๆ ก็ดูไว้เป็นตัวอย่างก็ละกันนะค้า แถวบ้านเราอาจจะไม่มีเคสคีบลูกปลาหมึกออกจากปากก็ได้เน้อ แต่อาจจะเป็นคีบเจ้าตัวดึ้กดึ๋ยตัวอื่น ๆ ออกมาแทน..นึกแล้วก็หยึกหยึ๋ยแทนฮ่ะ ขออนุญาตแว่บออกไปแปรงฟันอีกรอบก็ละกันนะค้าาาา แล้วพบกันใหม่กับเคลิ้มสมาคมโอกาสหน้าค่าาาา..



ขอบคุณที่มา เอ็มไทย.คอม
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข่าวน่าทึ่ง : คุณยายกายสิทธิ์พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์

ว่ากันอันที่จริง คงเป็นความฝันของใครอีกหลาย ๆ คนเลยอ่ะนะฮะ ที่อยากจะปีนขึ้นไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกให้สำเร็จให้ได้สักครั้งนึงในชีวิต

แต่ช้าก่อน..มาดูข่าวอันน่าทึ่งของเหล่าสมาคมเคลิ้มข่าวนี้กันดีกว่าฮ่ะ โดยเมื่อวา่นนี้ (19 พ.ค 2555) สำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานว่า คุณยายชาวญี่ปุ่นวัย 73 ปีคนนึง ได้ทำการ พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ได้สำเร็จเรียบร้อยโรงเรียนยุ่นปี่แล้ว และได้กลายเป็นสตรีที่มีอายุมากที่สุดที่เคยพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จอีกด้วย ที่สำคัญและน่าทึ่งไปกว่านั้น ก็คือคุณยายแกไม่ได้เพิ่งจะมาปีนสำเร็จครั้งนี้เป็นครั้งแรกนะค้า แต่แกได้เคยปีนสำเร็จมาแล้วครั้งนึง แถมยังทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้วได้สำเร็จอีกด้วย (หนูซูฮกเลยฮ่ะคุณยายยยย...)


คุณยายท่านนี้ มีชื่อว่าคุณยายทามาเอะ วาตานาเบะ ฮ่ะ โดยแกได้เริ่มออกเดินทางจากกรุงกาฐมาณฑุของเนปาล เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อปีนป่ายขึ้นไปสู่ยอดเขาสูงที่สุดของโลกทางด้านทิเบต โดยมีผู้ติดตามอีก 4 คน รวมถึงนักปีนเขาชาวญี่ปุ่น โนริยูกิ มูรางูจิ ผู้ทำหน้าที่ตากล้องด้วย
     
อัง เชอริง เชอร์ปา จากสำนักงานอำนวยการปีนเขา เอเชียน เทร็กกิง ในกรุงกาฐมาณฑุ ได้เผยว่า “เช้าวันนี้ เวลา 07.00 น. คุณยายปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยปีนขึ้นทางด้านเหนือ และขณะนี้ท่านได้ลงมาแล้ว”

   
อนึ่ง คุณยายวาตานาเบะ ผู้นี้ ไม่ใช่คุณยายโนเนมแก่ ๆ แต่อย่างใดนะค้า แต่คุณยายได้ทำการพิชิตยอดเขาสูง 8,848 เมตรแห่งนี้ได้ครั้งนึงแล้ว โดยได้ทำการพิชิตครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ปี 2002 ทำให้ ณ.บัดนาว คุณยายได้กลายเป็นผู้หญิงอายุมากที่สุดที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งสถิตินี้เคยเป็นของ อานนา เซอร์วินสกา ชาวโปแลนด์ มาก่อน

ว่าก็ว่าเหอะ..อิชั้นว่าคุณยายวาตานาเบะเนี่ย แกไม่ใช่คุณยายธรรดา ๆ เหมือนคุณยายแถวบ้านเราหรอก แต่แกเป็น "คุณยายกายสิทธิ์" มากกว่าอ่ะ..หนูงี้นับถือคุณยายจริง ๆ เลย เอาไปสิบดาวครึ่งเลยนะฮ้าคุณยาย..เก่งมั่กมากเลยฮ่าาาา...



เรียบเรียงข่าวจาก manager.co.th
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต